ภาพรวมตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบขาขึ้น ด้วยปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบาง
เนื่องจากมีวันทำการเพียง 3 วัน โดยตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มได้รับปัจจัยบวกจาก แรงซื้อจากสถาบัน
ภายในประเทศ, กระแสข่าวการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ, การคาดการณ์การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในปี 53
ตลอดจนการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยภาพรวมกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ เน้นกระจายการลงทุนใน
หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการโดดเด่น และสอดคล้องกับปัจจัยบวกข้างต้น ได้แก่ HANA (กลุ่มอิเล็คทรอ
นิคส์), TASCO (กลุ่มวัสดุก่อสร้าง), CPALL (กลุ่มพาณิชย์), TISCO (กลุ่มธนาคารพาณิชย์) และ PTT
(กลุ่มพลังงาน)
พอร์ทการลงทุน
* ถือเงินสด 30%, หุ้น 70%
* แบ่งพอร์ทหุ้น(70%) ออกเป็น Buy and Hold 100%
* เพิ่ม PTT, TISCO, และ CPALL เข้าพอร์ท, ถือ HANA และ TASCO, ขายทำกำไร QH และ
SMT, ถอด RATCH ออกจากพอร์ทชั่วคราว
o เพิ่ม PTT เน้นถือลงทุน จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว และแรงซื้อของสถาบันภายในประเทศ
ที่มีแนวโน้มส่งผลบวกต่อราคาหุ้นในช่วงสั้น
o เพิ่ม TISCO เน้นถือลงทุน จากแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง และธุรกิจสินเชื่อเช่า
ซื้อรถยนต์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามทิศทางยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ
o เพิ่ม CPALL เน้นถือลงทุน แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/52 ขยายตัวต่อเนื่อง จากการ
เพิ่มสาขาและอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าประเภทอาหาร
o ถือ HANA จากยอดคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มผล
ประกอบการไตรมาส 4/52 มีแนวโน้มโดดเด่นต่อเนื่อง
o ถือ TASCO เน้นถือลงทุน จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/52 ที่เติบโตโดดเด่น จากโรงกลั่นยาง
มะตอยในมาเลเซียและโครงการถนนไร้ฝุ่น
o ขายทำกำไร QH และ SMT หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา รอซื้อคืนเมื่ออ่อนตัว
o ถอด RATCH ออกจากพอร์ทชั่วคราว เนื่องจากระยะสั้นราคาหุ้นขาดปัจจัยกระตุ้น
Stock and Portfolio Idea
เพิ่ม PTT เน้นถือลงทุน
เราเลือก PTT เข้าพอร์ทเพื่อถือลงทุนอีกครั้ง เนื่องจากคาดว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มฟื้นตัวตามราคา
น้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.4% wow เป็น 78.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่นัก
วิเคราะห์กลุ่มพลังงานของเราคาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 15% จาก 65 เหรียญ/
บาร์เรลในปีนี้เป็น 75 เหรียญ/บาร์เรล ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และผล
กำไรให้กับบริษัท ขณะเดียวกันราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากว่า 20% (ทำต่ำสุดที่ 218 บาท) ในช่วง 2 เดือนที่
ผ่านมาได้ตอบรับกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไปมากแล้ว และคาดว่าปัจจัยเสี่ยงต่างๆจะคลี่คลายไปในทางที่ดีในปี
หน้า ดังนั้นเราจึงเห็นว่าราคาหุ้นในช่วงนี้เป็นโอกาสเข้าลงทุนที่ดีโดยมีความเสี่ยงขาลงที่จำกัด (มี upside
จากราคาเป้าหมายที่ 306 บาทต่อหุ้นกว่า 27%) บวกกับการที่ PTT เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดและเป็น
หุ้นพื้นฐานดี ทำให้เราเชื่อว่าเม็ดเงินจาก LTF/ RMF จะเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทต่อเนื่องในช่วงนี้ ซึ่ง
จะช่วยหนุนราคาหุ้นได้
เพิ่ม TISCO เน้นถือลงทุน
TISCO เป็นธนาคารขนาดเล็กที่มีรูปแบบธุรกิจน่าสนใจ, การขยายตัวของสินเชื่อในรอบปีที่ผ่านมาสูง
ที่สุดในอุตสาหกรรม (+9.06% ytd จากต้นปีถึงเดือนพฤศจิกายน 2552) และมีการบริหารต้นทุนและค่าใช้
จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยมี NIM อยู่ในระดับสูง (เพิ่มขึ้นจาก 3.81% ในไตรมาส 2/52 เป็น 5.02%
ในไตรมาส 3/52) ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มี NPL ratio ต่ำเพียง 2.6% เราคาดว่า
TISCO จะได้รับผลบวกเต็มที่มากขึ้นจากการฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์ในประเทศตามการฟื้นตัวของภาวะ
เศรษฐกิจ โดยล่าสุดยอดขายรถยนต์ในประเทศในเดือนพฤศจิกายนปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดของปีที่ 57,031
คัน เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน ดังนั้นเราคาดว่า TISCO มีแนวโน้มรายงานตัวเลขสินเชื่อขยายตัวต่อเนื่องใน
เดือนธันวาคม และปี 2553 ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV ปี 2553 ที่ระดับ 1.27 เท่า และมี upside
จากราคาเป้าหมายของเราที่ 26.2 บาทอยู่ 6.9% ดังนั้นเราจึงตัดสินใจเลือก TISCO เข้าพอร์ทเพื่อถือ
ลงทุน
เพิ่ม CPALL เน้นถือลงทุน
เราเลือก CPALL เข้าพอร์ทเพื่อถือลงทุนอีกครั้ง จากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/52 ที่คาด
ว่าจะแข็งแกร่งต่อเนื่องโดยมีการเติบโตสูงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/51 ขณะที่นักวิเคราะห์ของเรามีการ
ปรับประมาณการกำไรปี 2553 ขึ้นเป็น 5,264 ล้านบาท เติบโต 11% yoy โดยได้แรงหนุนจากยอดขาย
ต่อสาขาที่เติบโตต่อเนื่อง และการเปิดสาขาใหม่ปีละ 400-450 สาขา นอกจากนี้การเน้นเพิ่มสัดส่วนสินค้า
ประเภทอาหารซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง (28.7% เทียบกับสินค้าที่ไม่ใช่อาหารที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 25%)
โดยเพิ่มขึ้นจาก 72.4% ในปีก่อนมาเป็น 72.6% ของยอดขายจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนอัตรากำไรของ
บริษัทด้วย ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 2553 ที่ 20.2 เท่า และมี upside 5.9% จากราคาเป้า
หมายของเราที่ 25 บาทต่อหุ้น
ขายทำกำไร QH และ SMT
ขายทำกำไร QH และ SMT หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา รอซื้อคืนเมื่ออ่อนตัว
ถอด RATCH ออกจากพอร์ทชั่วคราว
เราตัดสินใจถอด RATCH ออกจากพอร์ทชั่วคราว เนื่องจากระยะสั้นราคาหุ้นขาดปัจจัยกระตุ้น
No comments:
Post a Comment